MAD COOL FESTIVAL นี่มันเทศกาลดนตรีที่ไหน ทำไมไม่คุ้นชื่อเลย? นี่เป็นคำถามแรกที่เพื่อนส่งข่าวไลน์อัพงานนี้มาให้ดู ซึ่งพอไล่ดูแล้วเห็นวันที่บนโปสเตอร์เขียนเป็นภาษาสเปนก็พอจะเดาได้ว่าที่ไหน แต่ประเด็นไม่ใช่ว่าที่ไหน ประเด็นคือไลน์อัพดีงามอีกงาน แถมบัตร 3 วัน ราคา 5,000 กว่าบาท!!!! มันมีที่ไหนคะ มันมีที่ไหน?!? เห็นราคาปุ๊ปก็ไม่ลังเลเลย กูจอง!! จองก่อน วีซ่าค่อยว่ากัน 555 MAD COOL FESTIVAL เป็นเทศกาลดนตรีน้องใหม่ที่เพิ่งจัดขึ้นปีนี้เป็นปีที่ 2 โดยจัดขึ้นที่แมดริด ประเทศสเปน ถือเป็นอีกงานที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอีกเทศกาลดนตรีน้องใหม่ยอดเยี่ยมที่น่าสนใจในยุโรป (Best New Festival) ของ European Festival Awards 2016 อีกด้วย (eu.festivalawards.com) เราจองตั๋วช่วงต้นปี 2017 ด้วยราคา 150 ยูโร (รวมค่าธรรมเนียมเป็น 167 ยูโร) โดยจองผ่ายเว็บไซต์ www.festicket.com หลังจากจองตั๋วคอนเสิร์ต ก็มานั่งคิดว่าจะขอวีซ่าเชงเก้นที่ไหนดี พอดีกับว่าตัวเองอยากจะไปเที่ยวอัมสเตอร์ดัม แล้วเพื่อนบอกว่าเนเธอร์แลนด์ของ่าย ถ้าเตรียมเอกสารครบถ้วน เลยตัดสินใจแพลนทริป 10 วัน อัมสเตอร์ดัม - แมดริด แล้วไปขอวีซ่าเชงเก้นของเนเธอร์แลนด์ ลุ้นพอตัว เพราะเคยพลาดตอนขอวีซ่าออสเตรเลีย แล้วเตรียมเอกสารไปไม่พร้อม เลยไม่ได้ พอต้องมาขอเชงเก้น เลยมีกังวลอยู่ แต่ก็ได้มัลติเปิ้ลมาในที่สุด ซ้อมร้องเพลงสิครับ รออะไร? :) เราบินจากอัมสเตอร์ไปลงที่แมดริดในบ่ายวันที่ 5 พักผ่อนสบายๆ แถวที่พักเพื่อเตรียมไปสู้รบปรบมือกับเทศกาลดนตรีต่อเนื่องใน 3 วันต่อจากนี้ไป แล้วพยากรณ์อากาศที่ดูมาล่วงหน้านั้นก็หักหลังเรา พายุเข้าทำให้ฝนจะตกติดต่อกันตลอดเทศกาลดนตรีจ้าาาา (ชีวิตดีเหลือเกิน!) งั้นมาเริ่มที่รีพอร์ทวันแรกกันเลย DAY I คืนก่อนวันงาน ฝนตก แต่ยังไม่พีคเท่าตอนต่อแถวรอเข้างาน ฝนเทจ้า!!! เปียกไปโหม๊ด รองเท้านี่แฉะเชียว รับริสแบนด์เสร็จ เลยต้องหาที่หลบฝนและกินมื้อเย็น ซึ่งก็คือแม็คโดนัลด์ที่อยู่ห่างจากงานไปกิโลกว่า สู้ตายกันมาก! 555 พอใกล้ถึงเวลา The Lumineers ขึ้น ก็พากันเดินจ้ำมาให้ทันเวลา 19.40 น. แล้วมาพบกับการขึ้นจอว่าโชว์ดีเลย์ อ่ะจ้าาา แต่ดีเลย์ไม่นาน ให้อภัย~ The Lumineers - เล่นดี ชิวๆ ไป แต่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมากสำหรับวงนี้ Foals - ล่องลอยดี มีความมันสลับกันไป ลูกเล่นตอนเล่นสดเยอะดี Foo Fighters - จัดเต็มจริง!! ป๋าเดฟแม่ง มีการท้าทายคนดู ว่าระหว่างป๋ากับคนดู ใครจะเสียงหายก่อนกัน ตอนท้ายๆก็มีเล่นมุข Grandpa need to back to hotel, grandpa need to sleep now... Just fucking kidding ด้วย 😂 แต่พลังเยอะกันมากกกก ขนมาหมด เพลงเก่า เพลงใหม่อย่าง Run ก็มา มอนิเตอร์สดจอใหญ่ก็ลูกเล่นเยอะดี คือเราสูงไง (ประชด!!) ก็จะเห็นจอเป็นหลัก เห็นตัวจริงๆ เป็นเสี้ยวๆ เท่านั้น 55 วงเล่นตั้งแต่ 22.15 - 00.45 น่ะ 2 ชั่วโมงกว่า ประหนึ่งคอนเสิร์ตเดี่ยว จบฟูไฟท์เตอร์ไป ก็นั่งพักรอเวลา ระหว่างนั้นก็นั่งฟัง Kurt Vile ไป แต่ไม่ได้ไปยืนดูนะ หมดพลัง ยืนมานานแล้ว นั่งเก็บแรงรอดูวงถัดไปตอนตี 2 นั่นก็คือ Catfish and the Bottlemen - จัดหนัก ดนตรีแน่นมาก จนหัวใจรู้สึกเต้นตุบๆ ตามจังหวะกลอง นักร้องนำไม่ค่อยพูดพร่ำทำเพลง แค่แนะนำเพลงต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างรอเล่นแต่ละเพลง มันเลยจะมีความเงียบคั่นอยู่ แล้วก็สลับกับความมันของเพลงกันไป แต่รู้สึกว่าเซ็ทลิสต์ที่เลือกมามันแนวเดียวกันไปหมด มันเลยจะมันแบบเรื่อยๆ ยาวๆ ไป ไม่มีจุคพีคเท่าไหร่ ที่ชอบสุดคือไลท์ติ้ง แสงสวยมากทุกเพลง รับประกันเลย! จบกันไปตอนตี 3 นิดๆ เดินไปกินแม็คฯอีกรอบ ก่อนจะกลับถึงห้องตี 4 กว่า DAY II พลาดไป 1 วงจากที่แพลนไว้ วันนี้วงที่จะดูวงแรกขึ้น 3 ทุ่ม เลยออกจากห้องช้า พอไปถึงห้ามเอาขาโกโปรเข้าอีก! ซึ่งเมื่อวานให้กูเอาเข้าไง งงไปอีก! ต้องออกไปฝากไว้ที่บูทรับฝากในราคา 3 ยูโร แล้วมาต่อแถวแสนยาวรอตรวจกระเป๋าเข้าอีกรอบ ==: เริ่มวงแรก alt-J - โคตรลอย วิชวลกับไลท์ติ้งแม่งเจ๋งจริง เพลงเก่าก็มา เพลงใหม่ก็มา ได้ฟัง Taro สดก็เป็นบุญละ (ที่จริงควรจะได้ดูตัีงแต่ Summer Sonic 2013 แต่ตอนนั้นไปดูวงไหนแทน ก็จำไม่ได้ละ) Kodaline - ขึ้นเวลาทับกันกับทั้ง alt-J และ Green Day และด้วยความที่เคยดูแล้ว เลยต้องยอมให้เป็นวงไม่หลัก ตอนที่วิ่งไปถึงเพลง Brand New Day ก็ขึ้นพอดี ต่อด้วย Love Like This ด้วยความที่เป็นเพลงสดใสหมด และต้องทำเวลาเพื่อเดินกลับไปเวทีใหญ่ที่กรีนเดย์จะขึ้น เลยลุ้นมากว่าจะได้ฟังเพลงใหม่มั้ย แล้วก็เป็นบุญ Brother ขึ้นจ้าาาา น้ำตาคลอ เอาจริง! ฟังได้แค่เกือบ 4 เพลง ก็ต้องยอมตัดใจเดินจากเวทีมา (น้ำตาจิไหล) รีบมาหาทางเดินแทรกมหาชนเข้าไปให้พอเห็นเวทีมากที่สุด เพื่อพบว่า Green Day - ดีเลย์ครึ่งชั่วโมงจ้าาา ระหว่างนั้นนางก็เลยเปิดเพลง Bohemian Rhapsody ของ Queen ให้ร้องรอเล่นๆ ก่อนจะให้มาสคอตกระต่ายออกมาเต้นรออีกเพลง แล้วก็เปิดฉากความมันทันที เพลงแรกทุกคนก็กระโดดตัวลอยแล้วจ้า พอมาเห็นบิลลี่แบบนี้แล้วรู้เลยกว่าแก่มากแล้ว แต่พลังแม่งยังเยอะอยู่เหมือนเดิม ระหว่างโชว์ก็จะเรียกแฟนเพลงขึ้นไปเรื่อยๆ รอบนี้ได้ขึ้นไป 4 คน คนแรกได้จูบปากด้วยจ้า คนสองได้เซลฟี่ แต่สองคนนี้ต้องลงจากเวทีด้วยการกระโดดใส่ฝูงชนนะ ส่วนคนสามพีคสุด ช่วงที่บิลลี่หาคนขึ้นไปเล่นกีตาร์ นางทำป้ายมา ขอขึ้นไปเล่นเบส บิลลี่ก็ให้ขึ้น สรุปทีมงานไม่มีเบสให้ บิลลี่เลยให้เล่นแทมโบรีนแทน แล้วหาอีกคนขึ้นไปเล่นกีตาร์ ซึ่งเล่นโคตรเทพ แต่ระหว่างเพลงที่แทมโบรีนแย่งซีนตลอดเวลา 555 แต่คุ้มสุด บิลลี่ให้กีตาร์นางเลยจ้าาา เพลงเด็ดเพลงดังมาหมด American Idiot ก็ต้องมา 21 Guns ก็ต้องมา คือเล่นยาวเกินเวลาไป (เพราะขึ้นดีเลย์อ่ะนะ) สิริรวมเกือบ 3 ชั่วโมง จบตอนตี 2 สี่สิบ หมดแรง ปวดขา และหิวน้ำมากจริงๆ แล้วไง? . . . อดดู Slowdive เพราะวงขึ้นเล่นตี 2 ตรง ตามตารางจบตี 3 เดินแทรกเข้าไปก็ไม่ไหว ด้วยพละกำลังที่ใช้ไปกับ Green Day หมดแล้ว ณ จุดนั้นเลยขอเดินหาน้ำดื่มแทน ถามว่าเสียดายมั้ย ก็เสียดายแหล่ะ แต่โตมากับเพลงกรีนเดย์มากกว่าไง ก็ต้องเลือกกรีนเดย์น่ะนะ แล้วก็ไม่เสียใจนะ เพราะดูจบคือหันมาคุยกับเพื่อนว่า 5800 ที่จ่ายไป ให้กลับบ้านตอนนี้ก็คุ้มแล้วล่ะ DAY III
วันสบายๆ เก็บแค่ 2 วงเบาๆ วันนี้ศิลปินที่ตั้งใจจะดูมีแค่ 2 วง แต่ตื่นเร็ว ก็เลยกะออกไปเดินเล่นในงานก่อน ไปถึงสองทุ่มกว่าๆ แถวต่อเข้างานยาวมากกกกก ยาวเป็นกิโล อยู่ฝั่งใกล้เมนสเตจ ระหว่างรอเข้างานเลยได้ฟัง Wilco ไปด้วย พอเข้างานมา ก็แวะไปดู Manic Street Preachers แป๊ปนึง ก่อนที่กะเดินไปถ่ายรูปกับซุ้ม Stand for ซะหน่อย ดั๊นเปลี่ยนช๊อยแล้ว (เสียใจ) คือมันจะเป็นซุ้ม 2 ตัวเลือกแล้วให้เราเลือกเดินรอดไป จะมีเซ็นเซอร์นับแต้มแต่ละฝั่ง ซึ่งวันแรกให้เลือกระหว่าง Stand for... Dumbledore กับ Gandalf แต่วันที่สามเปลี่ยนเป็น Simpsons Family กับ Kardashian Family เลยอดถ่ายไป เพราะกะไป "Stand for Dumbledore" ซะหน่อย หลังจากนั้นก็หาเบียร์ดื่ม หาเฟรนช์ฟรายกินเสร็จ แล้วเดินกลับมาดู Dinosaur Jr. อยู่ห่างๆ ก่อนจะเดินมาขึ้น ชิงช้าสวรรค์ราคา 3 ยูโร ดูบรรยากาศจากมุมสูงเล่น ซึ่งจุดพีคคือนั่งไปซักพักคนบังคับจะเพิ่มความเร็วเรื่อยๆ ดูจากข้างล่างดูหวาดเสียวดี แต่พอขึ้นไปจริงก็ไม่เท่าไหร่ ลงมาก็ไปเมนสเตจรอดู Kings of Leon - ก่อนวงขึ้นก็มีคำไว้อาลัยขึ้นมาให้กับนักกีฬา Acrobatic ที่เสียชีวิตจากการตกลงมาจากเครนสูงหลายเมตรระหว่างโชว์ก่อน Green Day ขึ้นเมื่อวาน และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมวงถึงขึ้นเลท (พีคมากจริงๆ) วันแรกเรายังคุยกับเพื่อนตอนดูโชว์อยู่่เลย ว่ามันเซฟจริงป่าววะ เพราะเห็นมีแค่เชือกสลิงเส้นเดียวที่เกี่ยวนักแสดงแต่ละคนเอาไว้ พอรู้ข่าว ก็ช็อกเบาๆ นะ R.I.P Pedro กลับมาที่เรื่องหลัก Kings of Leon ช่วงเริ่มก็ดี เรื่อยๆ สบายๆ แต่มาพีคหลังๆ ตั้งแต่เพลง Use Somebody พอเที่ยงคืน เราเลยเดินออกมาก่อน เพื่อมาเวทีติดกัน ก็ยืนเต้นยืนฟังเพลงที่เหลือของวงจากมุมไกล และวงถัดมาที่เราออกมายืนรอก่อนเพื่อให้ได้ตำแหน่งกลางเวทีที่สุดคือ Foster the People นั่นเองงงงง รอบนี้ขนเพลงอัลบั้มใหม่มาเยอะ เราฟังในออดิโอ้แล้วก็ชอบ แต่ไม่ได้พีคมาก แต่พอได้มาดูไลฟ์สด โอ้ย!!!! คือดีมาก มากกว่าฟังออดิโอ้หลายเท่า วิชวลกับไลท์ติ้งก็ดี มาร์คแม่งเท่ขึ้นอีกสิบระดับพอร้องพอเล่นดนตรี คือเป็นแบนด์ที่มัลติอินสตรูเม้นท์ มัลติทาเล้นท์ดี ดูแล้วเพลิน ช่วงหลังๆ ก็ดึงเอาเพลงฮิตอย่าง Are you what you want to be หรือเพลงอื่นๆ มาเล่น เรียกว่าไม่มีเพลงช้า ถล่มหนักด้วยเพลงเร็ว เต้นยับกันไป 1 ชั่วโมง! ดี! ต้องหาโอกาสดูคอนฯเดี่ยวให้ได้ ;) จบฟอสเตอร์ฯ จะกลับเลย ก็วันสุดท้ายละ เลยอยู่ต่ออีกหน่อยเลยละกัน เห็นเจ้าของห้องที่เราพักแนะนำ Moderat อย่างจริงจัง ก็เลยไปยืนดูซักหน่อย Moderat - เป็นวงอิเล็กโทรฯ สามคน ที่มีร้องสดด้วย ซึ่งก็เป็นเพลงแนวอิเล็กโทรฯแบบลอยๆ น่ะ ก็ฟังได้ แต่ก็ไม่ได้ชอบขนาดต้องติดตามต่อ แต่ความพีคของวงนี้คือวิชวลประกอบแต่ละเพลง ยืนดูเพลินเลยจ้า ดูเมาๆ จ้องนานๆ อาจจะจิตหลุดได้ ก็ยืนฟังยืนดูวิชวลไปจนตีสาม แล้วก็กลับ จบเทศกาลดนตรีในยุโรปครั้งแรกของชีวิต ถ้าปีหน้าไลน์อัพสวย และไม่อัพราคา ก็หวังว่าเราจะได้กลับมาอีก #MadCoolFestival |