ช่วงอัลบั้ม Supermodel ของ Foster the People เรียกว่าเป็นอัลบั้มที่ทำให้อยากดูไลฟ์ของวงนี้เอามากๆ เห็นไลน์อัพงาน Fuji Rock Festival 2014 มีฟอสเตอร์ฯด้วย ก็กระวนกระวายสุด แต่หมุนเงินไม่ทัน ก็ชวดงานนั้นไป และเซอร์ไพรซ์ยิ่งกว่าคือเพื่อนที่ชอบเหมือนกัน หายตัวไป โพสท์รูปอีกทีมาจากเวทีที่ฟูจิร็อค ตอนที่เห็นโพสท์นี่ก็ ร้อง เ-ี้ย! เสียงดังมากบนรถเมล์ จนคนข้างๆ หันมามองหน้าไปทีนึง ^^; แล้วเพื่อนก็กลับมาบอกว่า "มึงต้องดูวงนี้ให้ได้!" ผ่านอัลบั้ม Supermodel มา ด้วยความแอบเสียใจเบาๆ ว่าไม่ทันได้ดูไลฟ์ที่มี Cubbie Fink สมาชิกร่วมก่อตั้งวงเล่นเลย จนปลายปี 2016 ที่เห็นประกาศไลน์อัพ Mad Cool Festival ที่ Madrid นาทีนั้นรีบหมุนเงินเลย แล้วก็จองบัตรตอนต้นปี 2017 เพื่อจะได้ดู Foster the People ตอนก.ค. และได้ฟังข่าวดีกับการปล่อยอัลบั้ม Sacred Hearts Club พอดี เลยยิ่งดีใจใหญ่เพราะจะได้ฟังเพลงใหม่ด้วย และหลังจากวันนั้น วันที่ได้ดู Foster the People ที่สเปนซึ่งสนุกมากกกกกกกกก ก็ตั้งใจจะดูวงนี้ให้ได้อีกหลายๆ ครั้งถ้ามีโอกาส ตัดภาพกลับมาที่เมืองไทย ตอนที่ THE VERY COMPANY ประกาศว่าฟอสเตอร์ฯจะมา รีบนัดแนะกับเพื่อนเพื่อจองบัตรวันแรกให้ได้ แล้วก็ได้บัตรราคาปกติมาครอบครองไว้ให้อุ่นใจกันไป หลังจากนั้นก็รอคอยให้ขึ้นปีใหม่ คือปี 2018 นี้อย่างใจจดใจจ่อ วันคอนเสิร์ต เรานั่งรถกลับมาจากเขาใหญ่ พักเก็บแรงได้แป๊ปนึง ก็โดดมางาน FOSTER THE PEOPLE Live in Bangkok ต่อเลย พอถึงที่มูนสตาร์รับบัตรเสร็จ ก็เข้าไปยืนรอซักพัก เห็นผู้จัดประกาศบัตร Sold Out ก็ดีใจแทนวง ตอน 2 ทุ่มนิดๆ วงเปิด Whal & Dolph วงดนตรีจากค่าย What The Duck ก็ขึ้นเล่น เป็นวงอินดี้ของไทยอีกวงหนึ่งที่เราชอบเพลงอยู่หลายเพลง อย่างเพลง "นานนาน" "พ" หรือเพลง "หากมันจะสายเกินไป" ถือว่าวงเล่นได้ดี ประทับใจคนดูอย่างเราและใครอีกหลายคน พอ 21.00 น. ตามกำหนดการ ทุกคนก็เริ่มตื่นเต้นและเริ่มเตรียมตัวสนุกกับคอนเสิร์ตกันแล้ว แต่ตื่นเต้นได้ซักพักก็เริ่มชะโงกหน้ามองหาสมาชิกวง 555 สรุปวงขึ้นตอนประมาณ 21.30 น. เลทกว่ากำหนดการมา 30 นาที แต่แค่ซาวนด์ก่อนวงขึ้นนี่ก็ตื่นเต้นละ นึกว่ากำลังรอดู Harry Potter อยู่ ยิ่งพอเห็นทีมซาวนด์ฯตัวใหญ่ หนวดเฟิ้มที่ดูเหมือนแฮกริดด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าใช่เลย! 555 (ใช่ค่ะ เราเป็นแฟนคลับแฮร์รี่ พอตเตอร์ด้วย แฮ่!) และพอสมาชิกวงทั้ง 6 คน (นับ 6 นับ Phil กับ Tyler ที่ออกทัวร์กันมาด้วยกันนมนานด้วย) เสียงเฮก็ดังขึ้นทันที มาร์คขึ้นมาพร้อมกับแจ็กเก็ตหนังตามสเต็ป (ซึ่งตอนหลังก็ต้องถอดออกทีละชิ้น แพ้ให้กับความร้อนแรงของอากาศเมืองไทย 555) พร้อมกับอินโทรขึ้นเพลง - PAY THE MAN ตอนแรกเห็นมีกระดาษเท่าแบงค์กาโม่ล่วงลงมาจากด้านบน ก็แอบกระซิบกับเพื่อนว่าพร๊อพเพลง PAY THE MAN ป่าววะ แต่สรุปไม่ใช่ น่าจะเป็นซากพร๊อพจากงานอื่น 55 เอาเป็นว่ามิสเตอร์ฟอสเตอร์เขาเดินออกมา สาวๆ ก็กรี๊ดลั่นแล้ว (ผ่านไปยังไม่เต็มปี นางบวมขึ้นมากจากตอนแมดริดมาก ฮ่าาา) และแค่เพลงแรกก็โยกกันแรงเลยจ้า (เราด้วย!) ซึ่งเวลาที่ได้ฟังเพลงนี้ทีไร ก็จะนึกถึงคอมเม้นท์อันนึงในยูทูปแล้วก็จะหัวเราะเงียบๆ กับตัวเองทุกที คอมเม้นท์เขียนไว้ว่า "It took them 4 fucking minutes to walk through that hall, no wonder the new music took over three damn years... smh..." (by SmytheSmythe) - จบเพลงเปิดก็ดึงเพลงดังจากอัลบั้ม Torches อัลบั้มแรกของวงอย่าง HELENA BEAT มาต่อทันที แฟนเพลงก็ร้อง Yeah yeah and it's okay คลอกันไป - ยังๆ ยังคงขนเพลงจากอัลบั้มแรกมาเสิร์ฟแฟนเพลงเรื่อยๆ เพราะต่อจากเฮเลน่าก็ต่อด้วยเพลง LIFE ON A NICKLE และ WASTE ทันที ตอนที่ฟังออดิโอ้อาจจะโยกเบาๆ ไปเรื่อยๆ แต่พอมาดูไลฟ์ มาดูตอนที่เครื่องดนตรีเต็มเวที แบบโคตรฟูลแบนด์แล้ว จากโยกเบาๆ นั้นก็มีความดีความขลังของการเล่นสดเข้ามาบิ๊ว กลายเป็นต้องโยกแรงขึ้นอีก 1 สเต็ปทันที แล้วยิ่งตอนท้ายที่มาร์คให้แฟนเพลงร้องด้วยกันท่อน And every day that you want to waste, that you want to waste, you can แล้วทุกคนร้องคลอกันไป ดำน้ำบ้าง เป๊ะบ้างอย่างพร้อมเพรียง ถือเป็นโมเม้นท์ดีๆ เลยล่ะ - ดึงกลับมาที่อัลบั้มใหม่กันบ้างกับเพลง DOING IT FOR THE MONEY ก็คูลๆ ดี ตอนมิสเตอร์ฟอสเตอร์เขาแร๊พ แล้วพยักหน้าทำมาดเท่นิดๆ ก็เรียกเสียงกรี๊ดได้อยู่ (แซวววว) ดนตรีก็ดี จังหวะ ไลท์ติ้ง เออ...คือดีอ่ะ - แล้วก็ต่อกับอีกเพลงที่เราชอบจากอัลบั้ม Supermodel กับ ARE YOU WHAT YOU WANT TO BE? นอกจากความสนุกของจังหวะเพลง และความหมายของเนื้อเพลงที่ทำให้ฉุกคิดแล้ว ก็จะได้เห็นมาร์คสับขาเต้นแรงด้วย ไลท์ติ้งตอนเพลงนี้เป็นสีรุ้งสวยประกอบจังหวะดนตรีสนุกๆ แฟนเพลงก็เลยหยิบมือถือขึ้นมาเก็บภาพกันใหญ่ แถมเพลงนี้ยังมีช่วงที่มาร์ค 1 ยืนกำกับการตีกลองของมาร์ค 2 และอิเล็กโทรนิค ดรัมของอายซัมด้วย ยิ่งเป็นการดึงโฟกัสให้เราตั้งใจฟังจังหวะกลองของทั้งคู่ มันกับจังหวะกลองของทั้งคู่ได้มากขึ้น - ต่อจาก Are You What You Want ก็เป็น DON'T STOP (วกกลับมาที่อัลบั้มแรก) ช่วงอินโทรระหว่างขึ้นเพลง มาร์คก็ขอให้แฟนเพลงปรบมือไปพร้อมๆ กัน แฟนเพลงส่วนใหญ่ก็ร้องคลอตามกันได้ don't stop, don't stop, don't stop กันไป ชอบสุดๆ ก็ช่วงจังหวะหัวเราะสดของมาร์คเนี่ยแหล่ะ - ไหนๆ ก็ขอละว่าอย่าหยุด ก็ต่อกันยาวๆ กับเพลงคนกินดอกบัว LOTUS EATER เป็นเพลงจังหวะมันๆ สับขารัวๆ อีกเพลง - แล้วก็ต่อด้วยการคัฟเวอร์เพลง BLITZKRIEG BOP ของ Ramones ไม่มีโอกาสฟังออริจินัล ได้ฟังวงที่ชอบคัฟเวอร์อีกทีก็ยังดีเน๊อะ ซึงก็จะมีช่วงที่มาร์คส่งหน้าที่ให้แฟนเพลงร่วมกันร้องท่อน Hey ho, let's go ด้วย ทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี - ต่อด้วยเพลงที่มาร์คเป็นโปรดิวเซอร์เอ็มวีเอง กับเพลง PSEUDOLOGIA FANTASTICA เป็นช่วงที่ได้พักเก็บแรง โยกหัวเบาๆ กัน แต่คนดูก็พร้อมใจกันร้อง Why’d you say, why’d you say that you’d come right back กันเยอะนะ แล้ววงก็ลงไปพักพร้อมกับเปิดซาวนด์หน่วงๆ ดึงอารมณ์คนดูไว้ หลังจากทิ้งแฟนเพลงไว้กับดนตรีหน่วงๆ ซักพัก ก่อนกลับขึ้นเวทีกันครบทุกคน วงก็แอบมีเซอร์ไพรซ์แฟนเพลงด้วยการอัดเสียง (คิดว่าเป็นเสียงพี่สมิทธิน่ะนะ) มาเปิดมิกซ์วนลูปด้วยคำว่า "เต้น-กอด-จูบ-สัมผัส ตตตตเต้น กอด จูบ สัมผัส กอด จูบ สัมผัส เต้น..." วนลูปไป ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้มากทีเดียว ดึงแฟนเพลงกลับมาได้ปุ๊ป ก็จัดเพลงดังจากอัลบั้มแรกอีกเพลง - HOUDINI ใส่แฟนเพลงทันที ดวลกลองตอนอินโทรกันมันทีเดียว ชอบที่มีช่วงเคาะกระเดื่อง และช่วงโซโล่ของแต่ละคนแทรกเข้ามาด้วย ช่วงจังหวะที่มาร์ค (Mark Pontius) โซโล่กลองคือเจ๋ง ยืนดูแล้วภาพซ้อนกับหนังเรื่อง Whiplash ขึ้นมาทันที จบเพลงนี้แล้ว ทางวงก็ไม่ยอมทิ้งช่วงให้พัก ต่อด้วยเพลง - CALL IT WHAT YOU WANT ซึ่งเป็นอีกเพลงที่แฟนเพลงร้องกันได้กระหึ่มฮอล - ยังๆๆ ยังมีเพลงดัง เพลงโปรโมทอัลบั้ม Supermodel เพลง COMING OF AGE จัดมาเป็นชุดให้แฟนเพลงได้ฟินกันสุดๆ ซึ่งก่อนขึ้นเพลงนี้มาร์คก็มีพูดถึงเรื่อง True Love ด้วยเล็กน้อย แล้วก็เข้าสู่ช่วงอภิมหาโคตะระชอบ เพราะแสงไฟหรี่ลง พร้อมกับมิสเตอร์ฟอสเตอร์นั่งลงที่คีย์บอร์ด . . . - แล้วอินโทรเพลง RUBY ก็ขึ้นมา เ-ี้ยยยยย (อุทานในใจแรงๆ) ร้องเพลงช้า ร้องเพลงรูบี้ ร้องเพลงที่ยังไม่เคยได้ฟังสด (เพราะปกติวงเล่นแต่เพลงเร็วตลอดช่วงหลังๆ มานี้) ดีใจแบบยืนสงบนิ่ง ยิ้มกว้าง และร้องคลอเบาๆ ไปพร้อมกับมาร์คอย่างแช่มชื่นสุดๆ (นาทีนั้นอยากจะวิ่งแหกผู้คน กระโดดขึ้นเวที ไปจูบหน้าผากมาร์คแรงๆ หนึ่งที) - ไม่ปล่อยให้คนดูตกอยู่ในภวังค์กันนานเกินไป วงต่อด้วยเพลงจังหวะกลางๆ จากอัลบั้มใหม่ อย่างเพลง SIT NEXT TO ME - และปิดโชว์ก่อนอังกอร์ด้วยเพลง MISS YOU ที่ซาวดน์มันเหมาะแก่การขยับแข้งขยับขา สับขาแรงๆ อีกเพลง Photo Credit: by @kennyjamez (via THE VERY COMPANY) หลังจากที่แฟนเพลงส่งเสียงเฮอังกอร์แบบขาดๆ หายๆ กันอยู่ซักพัก วงก็กลับขึ้นมาเล่นต่อกับ 2 เพลงสุดท้าย คือ
- LOYAL LIKE SID & NANCY ซาวนด์ช่วงท่อนฮุคคือดี ก็จะมีความตื๊ดๆ หน่อย มีแฟนเพลงตะโกน Hey man get away from me! ประปราย และก็จบด้วยเพลงแจ้งเกิด ที่ไม่เล่นไม่ได้ เพราะมิสเตอร์ฟอสเตอร์เขาต้องโชว์เต้นสับขาเพลงนี้ นั่นก็คือเพลง - PUMPED UP KICKS คือแค่อินโทรขึ้น เสียงเฮก็กระหึ่มฮอลแล้ว ไม่ต้องพูดถึงตอนเนื้อเพลงขึ้นมา ร้องกันพร้อมเพรียงมาก มาร์คและสมาชิกในวงน่าจะภูมิใจ :) แต่ที่จริงถ้ามีจังหวะดนตรีต่อแบบตัวที่อัพขึ้นยูทูป (VEVO Presents) แบบนั้นก็น่าจะมันขึ้นอีก (ชอบเวอร์ชั่นนั้นเป็นการส่วนตัว) จบ 18 เพลงไปอย่างที่เรียกได้ว่า ใครไม่งานนี้ถือว่าคุณพลาดการเริ่มต้นปีที่ดีแล้วล่ะ! ยังๆ พอสมาชิกในวงลงจากเวทีกันหมด มาร์คยังแฟนเซอร์วิสสุดๆ ด้วยการลงจากเวทีมาแจกลายเซ็นต์แฟนเพลงอย่างทั่วถึง ก่อนจะเชื้อเชิญแฟนเพลงให้ไปร่วม After Partyต่อที่ทองหล่ออีกต่างหาก ใครตามไปก็น่าจะฟินกันน่าดู สรุปแล้วอย่างแรกต้องขอบคุณผู้จัด THE VERY COMPANY ที่พาวง FOSTER THE PEOPLE มาเหยียบที่เมืองไทยจนได้ Setlist คือดี เหมาะสำหรับทั้งแฟนเพลงที่ติดตามมาตลอด และคนที่เพิ่งมาติดตาม เพราะขนเพลงฮิตมาได้แบบฟินสุดๆ ซาวนด์ค่อนข้างดี ไลท์ติ้ง การเล่นแสงก็ดี ต้องขอบคุณที่ไม่สาดไฟใส่คนดูที่แพ้แสงจ้า (อย่างเรา) บ่อยๆ / หรือสาดเลยไปอันนี้ก็ไม่แน่ใจ 555 แต่ภาพรวมทั้งหมดถือว่าดีมาก ให้อภัยกับการขึ้นเลทได้เลย ถ้าวงปล่อยอัลบั้มใหม่ ก็พาวงกลับมาอีกนะ รอบนี้คือดวงติ่งดิ่งดับมากๆ เล่นเกมลุ้นมีทก็ไม่ได้ /ขามาก็อยู่ต่างจังหวัด ไปรับไม่ได้/ มี After Party ก็ไปไม่ได้ เพราะต้องตื่นเช้าด้วยความที่มีนัดสำคัญกับลูกค้า /แถมวันกลับไปรอส่ง ก็รอหน้าเกทคนเดียวด้วยสายตาสั้นๆ จนไม่เห็นและไม่รู้ว่าวงมาเช็คอินเข้าเกทไปแล้ว ถุ_ยชีวิตมากๆ (อนาถดวงตื่งตัวเอง จนอยากจะพักจากวงการ 5555) จบด้วยการระบายความติ่งของตัวเองซะงั้น 555 |