ในทุกๆ ปี เชื่อว่าคนที่ชอบดูดนตรีสด ชอบดูคอนเสิร์ต จะต้องตื่นเต้นและเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อให้เทศกาลดนตรีต่างๆ ทั่วโลกประกาศไลน์อัพศิลปินที่จะขึ้นเล่นที่งาน หลายๆ งานที่ทำตาลุกวาวแค่ได้เล่นไลน์อัพ ถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้ไปก็ตาม หลายๆ งานก็ทำเอาใจสั่น มือสั่นจนอยากจะกดจองบัตรให้รู้แล้วรู้รอดไป และช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับเลยว่าไลน์อัพเทศกาลดนตรีแถบ South East Asia บ้านเรานั้นก็ดีไม่แพ้เทศกาลดนตรีอื่นๆ เลย อย่าง Good Vibes Festival ที่ประเทศมาเลเซีย ที่ไลน์อัพเด็ดติดต่อกันมาหลายปี จนปีนี้ทำเอาจำนวนผู้เข้าชมพุ่งปรี๊ดเกือบ 2 หมื่นชีวิตที่เข้ามาอัดกันอยู่ในพื้นที่จัดงาน สำหรับปีนี้ ถือเป็นปีแรกที่เราได้มีโอกาสได้เดินทางไป Good Vibes Festival หลังจากทำการบ้านเรื่องตารางขึ้นเวทีของศิลปินที่อยากดู สภาพอากาศในวันงาน แผนผังงาน วิธีการเดินทางแล้ว เรากับเพื่อนๆ รวมทริปอีก 5 ชีวิตก็เดินทางจากไทยช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 21 ก.ค. 62 และถึงที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ เวลาเที่ยงโดยประมาณ (เวลาท้องถิ่น) ช่วงที่เราแลนด์ดิ้ง เป็นช่วงที่มีกรุ๊ปทัวร์ลงพอดี ทำให้ต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะผ่านตม.ออกมาได้ และเดินไปขึ้นรถตู้ที่รอรับเราไปส่งยังโรงแรมต่อ จากสนามบินไปยังสถานที่จัดงานนั้น ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ส่วนโรงแรมที่เราพักนั้นตั้งอยู่เหนือ Genting Highlands ขึ้นไปอีก บวกกับจำนวนรถที่คับคั่งเพราะทุกคนต่างพักในโรงแรมใกล้เคียงกันหมด ทำให้ใช้เวลาสิริรวมเกือบ 3 ชั่วโมงก่อนจะถึงที่พัก รีบเก็บข้าวของ เพื่อมานั่งชัตเติ้ลบัสลงมายัง Genting Highlands เพื่อนั่งกระเช้าลงมายังสถานที่จัดงานต่อนั่นเอง กระเช้าจาก Genting Highlands นั้นมี 2 จุด จุดแรกคือ Genting Skyway ผู้ที่มีริสแบนด์เทศกาลดนตรีสามารถนั่งฟรีลงมายังสถานที่จัดงานได้เลย ทำให้ปริมาณคนที่ต่อแถวยาวมาก แบบยาววววววววมากจริงๆ จนเราต้องยอมแพ้ เดินมาอีกจุดคือ Awana SkyWay ที่ต้องจ่าย 9 ริงกิตเพื่อลงมาปลายทางที่ SkyAvenue แล้วนั่งชัตเติ้ลบัสฟรีอีกต่อเพื่อลงไปที่งานแทน ด้วยความที่ถึงที่พักช้ากว่ากำหนด แถวต่อนั่งกระเช้าที่แสนยาวเหยียด ได้ขึ้นกระเช้าจริงๆ ตอน 6 โมงนิดๆ หันไปถามทีมงานผู้จัดที่นั่งกระเช้าลงมาด้วยกันว่า “เราจะลงไปทัน Joji กันรึเปล่านะ?” ทำเอาสต๊าฟได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบ ใช่ค่ะ!!! ดิฉันนก Joji ค่ะ ศิลปินแรกที่อยากดูเป็นการเปิดงานสำหรับครั้งนี้ ดิฉันได้พลาดการเล่นสดของเขาไปแล้วค่ะ! ได้แต่นั่งฮัมเพลงของโจจิอย่างเศร้าสร้อยบนกระเช้าที่กำลังเลื่อนลงสู่ปลายทาง เดินทางถึงสถานที่จัดเทศกาล และตรงดิ่งไปยังเวที Blue Stage ในทันทีเพื่อให้ทันดู Cigarettes After Sex เราพลาดคอนเสิร์ตในไทยของวงนี้มาตลอด ในที่สุด ก็ได้ดูซักที ได้ฟัง Nothing's Gonna Hurt You Baby สดๆ ให้เป็นบุญหู บรรยากาศช่วงพลบค่ำ มีลมเบาๆ ได้ยืนดูและฟังเพลงของวงนี้แบบเอาท์ดอร์คือเคลิ้มมากๆ นอกจากเพลง Nothing's ฯลฯ ในตอนท้ายวงก็เรียกเสียงเฮจากคนดูได้มากกว่าเดิมอีกด้วยการเล่นเพลง Apocalypse และ Dreaming of You หลังจาก Cigarettes After Sex ลงเวทีไป เราก็ขยับตัวเล็กน้อยมาที่อีกเวที ที่ตั้งอยู่ข้างๆ กันเลย อย่าง Red Stage เพื่อดูวงที่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เราอยากมา GVF ในปีนี้ นั่นก็คือ Nothing But Thieves เรามีโอกาสได้ดูวงนี้เล่นมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งที่บาเซโลนา แต่พลาดตอนที่วงมาไทย และพลาดมากกว่าเดิมอีกตรงที่วงเล่น Broken Machine ที่เราอยากดูเล่นสดมากๆ เลยกะจะมาแก้ตัวรอบนี้อย่างมีความหวังว่าวงจะเล่นเพลงที่ว่า แต่จนแล้วจนรอด รอลุ้นจนถึงเพลงสุดท้าย วงก็ไม่เล่น Broken Machine จ้ะแม่ (ร้องไห้ให้กับความพญานกของตัวเอง) แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเล่นเอาท์ดอร์รอบนี้ของ Nothing But Thieves คือดีมากๆ ซาวน์แน่นตึ้บ เสียงร้องของคอเนอร์ดีไม่มีตกตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงสุดท้าย โซนข้างหน้านี่โดดกันมันเลย เปิดเวทีด้วยเพลง Forever and Ever More และปิดด้วยเพลงฮิตทั้ง Sorry และ Amsterdam เรียกความฮึกเหิม ปลุกจิตวิญญาณในการดูดนตรีกลับมาได้หลังจากเศร้าสร้อยเพราะพลาดโจจิไป หลังจากจบน็อตติ้ง ยืนดู Mura Masa ต่ออีกนิดหน่อย แล้วก็เดินออกมาหาอะไรกินที่โซน Good Bites โซนอาหารที่มีทั้งอาหารทานง่าย อาหารท้องถิ่นมาเลฯ ขนมนมเนย และเครื่องดื่มแบบไม่มีแอกอฮอล์ให้เลือกซื้อกิน แต่ต้องต่อแถวรอกันซักหน่อยน่ะนะ ถ้ารอไม่ไหว ขอแนะนำอีกโซนฝั่งเวที Electric Fields เรียกว่าโซน Electric Bites ที่คนจะน้อยกว่าหน่อย เพราะไม่ใช่โซนเวทีหลัก ที่ GVF ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และ merch.ของศิลปินนั้น จะต้องจ่ายผ่านการสแกนริสแบนด์ทั้งหมด ซึ่งจะมีจุดเติมเงินภายในงานอยู่ เริ่มจาก 20 / 50 / 100 / 200 RM (ประมาณนี้) ข้อดีคือ ไม่ต้องเสียเวลาล้วงกระเป๋านับเงินจ่าย และที่สำคัญคือหากใช้ไม่หมด สามารถแลกรับเงินคืนได้ที่จุดรับแลกบริเวณซุ้มหน้าทางเข้าเทศกาลด้วย พักเติมพลังกันเรียบร้อย เราก็เดินไปยัง Electric Fields เพื่อดูอีก 3 ศิลปินในไลน์อัพคืนนี้กันต่อยาวๆ ทั้ง Yaeji ที่ทั้งเล่น ทั้งร้อง ทั้งเอนเตอร์เทนคนดูเองหมด มีความน่ารักยียวนกวนประสาท ส่ายตูดใส่คนดู ให้พอน่ารักน่าหมั่นเขี้ยว ต่อด้วย Jai Wolf ที่เล่นได้ดีจนยืนนิ่งไม่ได้ บวกกับวิชวลที่เปิด ยิ่งดูก็ยิ่งเพลิน หลังจากยืนเต้นตอน Yaeji กับ Jai Wolf กันมา ด้วยความที่เริ่มเพลียแล้ว เลยมานั่งพักฟัง Cashmere Cat อยู่ห่างๆ อีกซักพัก ก่อนจะตัดสินใจพากันเดินกลับออกจากงานมาเพื่อนั่งกระเช้ากลับที่พัก ช็อค!! แถวยาวมากแบบมองไม่เห็นปลายทางและอนาคตของตัวเองว่าจะกลับถึงโรงแรมตอนกี่โมง เดินวนแล้ววนอีก วิญญาณเริ่มหลุดจากร่าง สภาพเริ่มเหมือนซอมบี้ขึ้นทุกนาที จนนาทีที่ได้เหยียบพื้นกระเช้า นาทีนั้นเหมือนได้เหยียบยอดเขาเอเวอเรสต์ยังไงยังงั้นเลย ออกจากงานตอนเกือบตี 1 ถึงห้องพักตอนเกือบตี 3 เรียกได้ว่าเป็นวันที่ใช้เวลาหมดไปกับการเดินทางสุดๆ ล้มตัวลงเตียงแล้วเติมพลังสำหรับอีกวันกันค่ะ! หลังจากนอนเต็มอิ่มและกินอาหารเช้าเติมพลังกันแล้ว ด้วยความที่ยังมีเวลาเหลืออยู่บ้าง เราเลยไปเดินเล่นที่ First World Plaza แล้วระหว่างเดินเล่นอยู่ เห็นเครื่องเล่นม้าหมุนสีชมพูสุดน่ารักเลยแวะจุด Skytropolis Indoor Theme Park ถ่ายรูปเล่นกัน ทันใดนั้น เพื่อนในกลุ่มก็หันไปเห็นเครื่องเล่นที่กำลังหมุนเหวี่ยงอยู่ แล้วก็อ้าปากชวนทุกคนเล่น ด้วยความที่มีเวลาเหลือ และข้อดีคือมีบัตรจำหน่ายแยกสำหรับเล่นเครื่องเล่น 1 ครั้ง (15RM) แบบไม่ต้องซื้อเหมาได้ด้วย ตัดภาพมาตอนที่ลงจากเครื่องเล่น นึกว่าจะไม่เสียว ลงมามือชุ่มเหงื่อกันไปเลยจ้า! เครื่องเล่นที่เลือกเล่นตอนนั้นคือ Power Surge เป็นเครื่องเล่นที่ทั้งหมุน ทั้งยกสูงขึ้น-ลง ไอ้เราก็ดันเลือกได้ฝั่งที่โดนคว่ำลงพื้น ไม่โดนฝั่งโดนหงาย หลังไม่ติดเบาะ ตามองดิ่งลงพื้น หมุนไปหมุนมา คว่ำไปคว่ำมา มือนี่ชุ่มเหงื่อจนแทบจับที่จับไม่อยู่เลยล่ะ ถ้ามีโอกาสก็แวะเล่นกันดูได้ ยังๆ เรายังพอมีเวลา ไหนๆ ก็ขึ้นมาถึงนี่แล้ว เลยลองหาสถานที่ท่องเที่ยวกันอีกซักที่ เมื่อวานตอนที่นั่งกระเช้าลงมา จำได้ว่ามีจุดจอดที่ Chin Swee Caves Temple ก็เลยตัดสินใจลงมาที่วัดดู ด้วยความที่อยู่บนพื้นที่สูง วิวที่เห็นจากหลายๆ มุมของวัดจึงค่อนข้างสวยทีเดียว ถ้ามาช่วงเช้าๆ หน่อย ก็จะได้วิวหมอกอีกด้วย (ไม่มีค่าเข้าชม) แล้วก็ได้เวลา เรานั่งกระเช้าลงมาปลายทาง ต่อด้วยชัตเติ้ลบัสลงมายัง Good Vibes Festival สำหรับวันที่ 2 ต้องบอกเลยว่าเป็นวันที่ทำให้ได้รู้จักวงเจ๋งๆ ของมาเลเซียเต็มไปหมด เราลงมาทัน LUST วง post-punk / alternative pop ที่เล่นได้โจ๊ะดี ต่อด้วย Midnight Fusic วง alternative rock ที่ทำเอาเราตกหลุมรักเข้าอย่างจังกับหลายๆ เพลงอย่าง Lovesick, Time Machine, Flowers ฯลฯ (เสียดายที่ไม่ทัน The Impatient Sisters เพื่อนที่ลงมาถึงก่อนบอกว่าดี!) ด้วยความที่วันนี้ตารางที่เราวางไว้ สบายๆ หลังจากดูมิดไนท์ฟิวสิคเล่นเสร็จ เลยแวะนั่งฟังดนตรี ดื่มเบียร์แบบสบายๆ จากโซนในพื้นที่ที่ทางผู้จัดกำหนดไว้ (ที่งานห้ามดื่มแอลกอฮอล์นอกพื้นที่ที่กำหนดไว้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นหลายๆ คนก็เลยจะดื่มข้างหน้าก่อนเข้างานก่อน ส่วนพื้นที่สูบบุหรี่... สูบตรงไหนก็ได้จ้า คนที่นี่สูบทั่วทุกที่ แต่ส่วนใหญ่จะใช้บุหรี่ไฟฟ้าซะมากกว่า) ดื่มเบียร์เสร็จ ก็ลากกันไปต่อแถวซุ้มของ Netflix ที่โปรโมท Stranger Things เป็นหลัก มีกิจกรรมและมุมให้ถ่ายรูปเล่น แถมมีของแจกเต็มไปหมดทั้งพิน ทั้งเสื้อยืด Limited Edition นู่นนี่นั่น แฟน Stranger Things ฟินจนลืมเรื่องดนตรีไปชั่วขณะเลยล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า มาต่อกันที่เรื่องดนตรี ศิลปินถัดมาที่เรารอดู คือ Rad Museum กับ DEAN ที่เคยมาขึ้นเล่นที่บ้านเรากันแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมาในงาน Maho Rasop: International Music Festival 2018 ที่มาเลเซียก็ยังคงสนุกเหมือนเดิม แฟนเพลงผู้หญิงเยอะพอๆ กับที่ไทย แถมรอบนี้เล่นเพลงใหม่ด้วย แล้วก็เป็น Daniel Caesar อีกศิลปินที่เราอยากจะฟังสดๆ สักครั้ง ซึ่งเล่นสดได้เพราะจริงๆ บรรยากาศแบบฟ้ามืด อากาศเย็นสบาย โคตรเข้ากับเพลงของแดเนียล แถมคนที่นี่ก็ร้องตามกันเสียงดังได้แทบทุกเพลง โยกตามเพลงกันอย่างเพลิดเพลิน จนเพลงสุดท้าย อิ่มเอมใจกันถ้วนหน้า และด้วยความที่ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนเมื่อวาน พอดูแดเนียลจบ พวกเราเลยรีบเดินตรงปรี่ออกมาขึ้นกระเช้าในทันที ผลปรากฎว่าโล่ง!! กลับขึ้นมาถึงโรงแรมอย่างรวดเร็ว มีเวลาได้นั่งดื่มนั่งคุยกันต่ออีกหลายชั่วโมงก่อนจะแยกย้ายกันพักผ่อน เพื่อเดินทางกลับไทยในวันถัดมา
เป็นอีกเทศกาลดนตรีที่ดีเลยล่ะ บรรยากาศดี ไลน์อัพค่อนข้างดี ใกล้บ้านเรา เดินทางสะดวก แต่อาจจะต้องวางแผนเรื่องการเดินทางกันดีๆ หน่อย เพราะฉะนั้นถ้าใครตั้งใจจะไป Good Vibes Festival ในปีหน้า แนะนำให้เดินทางไปถึงที่เกนติ้งล่วงหน้าก่อนซัก 1 วัน จะได้มีเวลาพักผ่อนและเตรียมตัว วางแผนการเดินทางระหว่างที่พักและสถานที่จัดงาน จะได้ไม่พลาดเหมือนกับเราในปีนี้ สำหรับครั้งนี้ เราร่วมเดินทางไปพร้อมๆ กับเพื่อนๆ ผู้โชคดีและทีมงานจาก ROCK ON RADIO ในกิจกรรม Rock On Flying To Good Vibes Festival 2019 ใครที่ไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ ก็ติดตาม กันได้ทั้งทางเว็บไซต์ และเฟซบุ๊ค แอบกระซิบบอกว่าเขามีกิจกรรมดีๆ แบบนี้ทุกๆ ปี เลยนะจ๊ะ Cover photo: www.goodvibesfestival.com Original review: https://www.noozup.me/1988051 (เขียนโดยข้าพเจ้าเองเนี่ยแหล่ะจ้า) |