FIB Benicàssim Festival เป็นเทศกาลดนตรีที่เรารู้จักได้โดยการที่เพื่อนแท็กมาผ่านเฟซบุ๊ค เป็นเทศกาลดนตรีอีกเทศกาลหนึ่งของสเปนที่มีมานานกว่า 24 ปีแล้ว หลังจากเห็นไลน์อัพ และภาพบรรยากาศงาน รวมทั้งเป็นเทศกาลที่ยังไม่เคยไป เลยตัดสินใจจองบัตรพร้อมแคมปิ้งที่เป็นแพ็คเก็จครบ คือ บัตรชมเทศกาลดนตรีสำหรับ 4 วัน + พื้นที่กางเต๊นท์แบบ VILLACAMP + เต๊นท์พร้อมที่นอนแบบเตียงคู่ (เลือกได้ว่าจะเป็นเตียงเดี่ยวหรือคู่) + อาหารเช้า ในราคารวมแล้วประมาณ 8000 บาท โดยจองกันไว้ตั้งแต่ปลายปี 2017 ก่อนจะหาตั๋วเครื่องบินโปรฯของ Turkish Airlines ได้ไม่กี่สัปดาห์ก่อนเทศกาล 555 (ซึ่งหามาได้ในราคาไป-กลับ 17000 บาท แต่ต้องไป-กลับจากภูเก็ตนะ ก็ซื้อตั๋วไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ตอีก 2000 บาท รวมแล้วก็ประมาณ 19000 บาท ถูกกว่าไป-กลับจากกรุงเทพฯเกือบเท่าตัว แต่แค่บินเยอะหน่อย แฮ่!) *เต๊นท์มี 2 ไซส์ คือไซส์สำหรับ 2 คน และไซส์สำหรับ 3 - 5 คน เทศกาลนี้จัดที่เมืองท่องเที่ยวริมทะเล Benicassim เราเลยแวะเที่ยวที่บาร์เซโลนาก่อน 1 วัน แล้วค่อยไปนั่งรกบัสทรานซเฟอร์จากสนามบินบาร์เซโลนาไปที่เบนิคาสซิม โดยในการเดินทางใช้เวลาประมาณ 3 ชม. มีจุดนัดขึ้นรถอยู่ที่เทอมินัล 2 รูปปั้นม้าอ้วนที่มีอยู่ตัวเดียว หาง่าย ไม่ลำบาก ใกล้ๆ มีมินิมาร์ทที่แวะซื้อน้ำดื่มหรือของกินรองท้องก่อนขึ้นรถได้ โดยที่จุดนัดพบจะมีสต๊าฟคอยเช็คชื่อและตั๋วรถอยู่ (ค่าโดยสารรอบละ 45 ยูโร ไป-กลับก็ 90 ยูโร สามารถจองผ่านเว็บไซต์ของเทศกาลได้เลย) จังหวะที่ไปถึงจุดนัดขึ้นรถคือตั้งคำถามเลยว่า `นี่กูมาสเปน หรือกูมาอังกฤษ?' 90% ของคนมาขึ้นรถคือเด็กจากเกาะหมดเลย นั่งเมาสำเนียงบริติชอยู่บนรถสุดๆ ที่จริงสามารถเดินทางด้วยรถไฟจากบาร์เซโลนาไปเบนิคาสซิมได้ด้วย แต่สถานีรถไฟจะไกลจากที่จัดงานหน่อย เดินได้ แต่ไม่แนะนำให้เอาสัมภาระไปเยอะ (ที่สนามบินมีที่ฝากกระเป๋า อาจจะแบ่งเอาแค่บางส่วนไปเทศกาลพอ) ตั๋วรถไฟก็แล้วแต่โชคชะตา ตอนแรกเรากะจะนั่งรถไฟเหมือนกัน เพราะเช็คราคาครั้งแรกถูกว่าบัสทรานสเฟอร์ แต่พอรีเฟรชปุ๊ป ราคาขึ้น! แพงกว่า แถมเดินไกลกว่า เลยเปลี่ยนมาจองบัสแทน 555 พอถึงสถานที่จัดงาน ลงจากรถปุ๊ปก็จะมีจุดแลกริชแบนด์ต่างๆ ที่เราจองมา เรากับเพื่อนจองเป็น VILLACAMP เลยต้องนั่งรถบัสไปที่แคมป์อีกต่อ ซึ่งตลกตรงที่ว่าเพื่อนนอนผิดแคมป์มา 1 คืน สต๊าฟเห็นริชแบนด์ก็งงว่าจอง VILLACAMP มานอนที่ CAMPFEST (ที่ดีน้อยกว่าได้ไง) ไม่ใช่แค่สต๊าฟที่งง พวกเราก็งงเหมือนกัน ว่าทำไมปล่อยให้มานอนได้ไงล่ะฮึ จากสถานที่จัดงานจะมีบัสทรานสเฟอร์ไปจุดต่างๆ ของเมือง อย่างชายหาด หรือจุดตั้ง VILLACAMP เป็นต้น ซึ่งค่ารถรอบละ 1.5 ยูโร หรือจะซื้อริชแบนด์แบบเหมาก็ 15 ยูโร (ซื้อกับคนขับรถได้เลย) พอเราถึงจุดตั้ง VILLACAMP ก็เห็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจน คือ VILLACAMP ไกลจากสถานที่จัดเทศกาลมากกว่า (แต่ไม่นานมากนะ เดินได้ แต่ถ้าร้อนก็ไม่ควรเดิน เดี๋ยวเหงื่อจะท่วมตัวก่อนได้ดูดนตรี) VILLACAMP อยู่ใจกลางเมือง ร่มรื่นกว่า ข้างหน้ามีซุปเปอร์ และเบอร์เกอร์คิง มีร้านอาหารเยอะแยะ เดินไปชายหาดได้ ห้องอาบน้ำและห้องส้วมดีกว่า แบ่งเป็นสัดส่วน เป็นห้องๆ ในบังเกอร์อีกที ซึ่งอีกแคมป์จะติดกับเทศกาล แต่แห้งแล้ง เป็นดินฝุ่น ที่อาบน้ำไม่มีอะไรปิด คือต้องเตรียมชุดบิกินี่หรือชุดอาบน้ำมาด้วย เป็นแบบเสาปล่อยน้ำสปริงเกอร์ ไม่แยกชายหญิงใดๆ ทั้งสิ้น ก็ถ้าอยากนอนแคมป์ แล้วสบายหน่อย แนะนำให้เลือก VILLACAMP และถ้าจะสบายขึ้นอีกนิดก็ซื้อแบบมีอาหารเช้าด้วยก็ได้ มีพวกขนมปัง ชา กาแฟ ผลไม้ง่ายๆ ให้กิน 09.00 -12.00 ตื่นมาจะได้เดินไปกินเลย กิจวัตรประจำของคนมาเทศกาลที่นี่ก็จะคล้ายๆ กันคือตื่นมากินอาหารเช้า ออกไปอาบแดดและเล่นน้ำ กลับมาพัก อาบน้ำ หาอะไรกิน แล้วก็ออกไปเทศกาลตอนเย็นๆ ค่ำๆ และอย่างที่พิมพ์มาในตอนแรกคือ 90% เป็นคนอังกฤษ เมาบริติชแอคเซ่นสุดๆ (น่าจะเพราะปีนี้ไม่มีกลาสตันฯ ด้วย) ใครสายฝ. เมานม เมาซิกแพ็ค เมาตูดแน่นอน *เตรียม Power Bank แบบเต็มแม็กซ์ไปด้วย เพราะที่ตั้งแคมป์ไม่มีจุดชาร์จไฟฟรี มีบูธให้เช่าพาวเวอร์แบงค์ แต่แพง เพราะฉะนั้นเตรียมไปให้พอใช้ 4 วัน หรือไม่งั้นก็ต้องไปนั่งชาร์จในเบอร์เกอร์คิง ตามร้านอาหาร หรือสวนสาธารณะใกล้ๆ ที่มีจุดให้ชาร์จไฟฟรี *มีที่พักอย่างพวกโรงแรมหรืออื่นๆ อีกเยอะ ถ้าไม่ชอบลำบากก็ลองหาที่พักแถวๆ ที่รสบัสวิ่งผ่านดูก็ได้ สถานที่จัดงานไม่ใหญ่ มีทั้งหมด 5 เวที เดินแป๊ปๆ ไม่เกิน 3 นาทีก็ถึงอีกเวทีแล้ว แต่ศิลปินหลักๆ ก็อยู่แทบจะเวทีเดียวกันอยู่แล้วล่ะ หลักๆ แล้วเราปักหลักที่เวทีใหญ่สุดคือ LAS PALMAS มีวิ่งไปเวทีรองคือ VISA บ้าง มีแค่ Pale Waves วงเดียวในลิสต์ของเราที่เล่นเวทีเล็กในร่ม ส่วนเวทีอื่นแค่เดินไปส่องๆ ดูเฉยๆ เท่านั้น เอาล่ะมาเริ่มกันที่ DAY1 - Nothing But Thieves เปิดมาเพลงแรก เจ้แกก็ใช้เสียงเต็มพลังเลย สุดๆ มันดี แต่เสียดาย ไม่เล่น Broken Machine คอเนอร์บอกว่าตอนเด็กๆ เคยฝันอยากมาเทศกาลนี้แล้วมาไม่ได้ แต่ตอนนี้ในที่สุดก็ได้มายืนบนเวทีที่นี่แล้ว *เรียกเจ้ เพราะเข้าใจผิดมาตลอดว่าคอเนอร์เป็นมนุษย์เพศหญิง 555 วงเล่นทั้งหมด 14 เพลง มี cover เพลง Immigrant Song ของ Led Zeppelin ด้วย ถือว่าเสียงของคอเนอร์เต็มพลังดีนะ นี่ยังสงสัยว่าร้องเสียงนี้ตลอด 14 เพลงได้ยังไง ครั้งหนึ่งก็ควรดูวงนี้ให้ได้ แต่จะมีครั้งที่ 2 มั้ยก็แล้วแต่คนอ่ะนะ สำหรับเราเฉยๆ แต่ถ้ามีโอกาสและเงิน และรู้ว่าวงจะร้อง Broken Machine ด้วยก็จะดู 555 - Everything Everything ซาวด์ดี เรื่อยๆ ลอยๆ ใครที่ชอบฟังดนตรีสดแบบล่องลอยเบาๆ ไม่ถึงกับเมาอากาศ วงนี้ก็เหมาะ ฟังไปเรื่อยๆ ท่ามกลางอากาศช่วงเย็นๆ ดีอยู่นะ - Two Door Cinema Club สนุกเหมือนเคย เพลงเก่า เพลงใหม่ มาหมด โยกกันเหงื่อไหลเลยล่ะ เป็นวงที่โหวตให้เป็น Band of the Day เลย! ตอนที่ทูดอร์ขึ้น เรากับเพื่อนเลือกไปอยู่โซนหน้าของเวที (LAS PALMAS จะมีรั้วกั้นแบ่งเป็นโซนหน้า และโซนหลัง ตรงกลางมีสต๊าฟคอยเฝ้าอีกที) ซึ่งถือว่าผิดมหันต์ คนแน่น เบียด ชน กระแทก สาดเบียร์ ตัวเหนอะ และถูกมนุษย์อังกฤษสูง 180 กว่า 5~6 คน ล้อมอยู่ช่วงหนึ่ง มองไม่เห็นอะไรเลย แถมยังโดนศอกกระแทกหัวบ้างล่ะ พอยกแขนกัน หน้าเราก็พอดีจั๊กบ้างล่ะ (หลังจากที่ดูทูดอร์จบ ก็ตัดสินใจไม่ขอเข้าโซนหน้าอีกเลย 555) - Pale Waves ในที่สุดก็ได้ดูวงเด็กปั้นของแมตตี้ซักที ซึ่งก็ได้ฟังทุกเพลงที่อยากฟัง เพราะน้องเค้ามีเพลงแค่นั้น ฮ่าาา เล่นดีนะ แต่เล่นแบบตามออริจินัลเลย ไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไร แถมไม่ค่อยพูดค่อยจาด้วย อาจจะยังตื่นเวที ตื่นคนอยู่ น้องเลยเล่นอย่างเดียวเลย - Travis Scott เลือกเป็นศิลปินปิดวันนี้ โปรดักชั่นเล่นใหญ่มาก จอมอนิเตอร์เต็มไปหมด แต่ก็ไม่ได้มีลูกเล่นอะไร เพลงแต่ละเพลงสั้นจนขัดอารมณ์ กำลังเต้นเพลินๆ แล้วก็แบบ อ้าว! ตัดจบ แบบเนี๊ยะ สุดท้ายเลยเดินกลับมาขึ้นรถกลับแคมป์เลย ไม่ดูต่อจนจบอ่ะ *ช่วงก่อนทูดอร์ขึ้น แอบดู J HUS ซักพักด้วย เพราะเห็นเด็กเกาะวิ่งฮือไปดูนางกัน แล้วพอไปดูก็งงๆ เข้าไม่ถึง มีดีเจ แต่ก็เหมือนแค่เอาเพลงดังๆ มาเล่น ร้องก็ไม่ค่อยร้อง ก็ยืนงงๆ กันซักพักว่าอีเด็กเกาะมันชอบเพราะอะไร สุดท้ายทนไม่ไหว เดินออกมารอดู Everything Everything เลย DAY2 - Catfish and the Bottlemen ดูวงนี้เล่นมาเป็นปีที่ 2 รู้สึกว่าครั้งนี้เล่นมันขึ้นกว่าปีก่อนหน้าที่ Mad Cool แต่วงเล่นแค่ 7 เพลง เลยคิดว่าสั้นไปหน่อย - The Vaccines ในที่สุดก็ได้ดู หลังจากพลาดตอนมาไทยไป แต่ก็ไม่ทันตอนมีพีทอยู่ดี วงเล่นทั้งหมด 16 เพลง และแน่นอนว่าเล่น If You Wanna ด้วย มีความชอบแฟชั่นของจัสตินที่ทำให้เห็นขายาวๆ ของจัสตินเต็มๆ ส่วนเพลงอื่นๆ ที่วงเล่นเช่น Your Love Is My Favourite Band, Handsome, Nørgaard จบด้วยเพลง I Can't Quit - The Killers ยกให้เป็น Band of the Day เล่นใหญ่ตั้งแต่โปรดักชั่น ใช้สต๊าฟเยอะมาก และใช้เวลาในการเซ็ทเวทีคุ้มมาก แล้วพอตอนเล่นก็มาเต็มจริง คอร้งคอรัสมาเต็มชุดใหญ่ ขนเพลงฮิตมาเต็ม เล่นไป 17 เพลง แถมตอนเพลง Read My Mind ได้ Van Mccann วง Catfish and the Bottlemen ขึ้นมาร่วมแจมด้วย เด็กๆ จากเกาะเอ็นจอยกันมากๆ รวมทั้งเราด้วย และเพลงก่อนขึ้นเพลง For Reasons Unknown ก็มีแฟนเพลงชูป้ายขอขึ้นไปตีกลองบ้างตามกระแสก่อนหน้านี้ โดยที่นี่ได้ Gonzalo แฟนเพลงสเปนขึ้นมาตีให้ ซึ่งนางทำการบ้านมาดีมาก ตรงเป๊ะทุกจังหวะ วงเปิดด้วยเพลง The Man ก่อนจะต่อด้วย Somebody Told Me เพลงฮิตอื่นๆ ก็ Smile Like You Mean It, When You Were Young, Human แล้วปิดด้วย Mr. Brightside DAY3 - The Kooks คือ Band of the Day ประทับใจลุงมากๆ จัดเซ็ทลิสต์มาสนุก วงเคยมาเล่นที่เทศกาลนี้เมื่อปี 2006 และก็กลับมาเล่นอีกทีในปีนี้ จัดให้คนฟัง 15 เพลง เรียกว่าสนุกมากๆ และดีใจที่ได้ดูลุงๆ ซักที - The Horrors เนื่องจาก The Kooks เล่นยาว เลยไม่ได้ดู The Horros เล่นเต็มๆ แต่ก็เล่นดีสมกับชื่อวงนะ มีความหลอนๆ ลอยๆ ดี - Pet Shop Boys เป็นอีกวงที่อยู่ในวงการมานานอีกวง ก็ดูซักหน่อย แต่ก็ไม่ได้อินมากเท่าไหร่ โยกได้ สนุกได้เรื่อยๆ - Bell & Sebastian ได้ดูวงนี้เล่นอีกครั้ง รู้สึกเหมือนกับที่ได้ดูครั้งแรก เซ็ตลิสท์ก็แทบจะไม่เปลี่ยน แถมระหว่างที่วงขึ้น ฝนตกด้วย เลยต้องวิ่งมายืนหลบใต้ต้นไม้ดู ระหว่างที่ดู Bell & Sebastian เล่นอยู่ ก็มีผู้ชายใส่เสื้อลายคุ้นๆ วิ่งผ่าน ไอ้เราก็เอ๋อๆ อยู่เพราะเกือบตี 2 แล้ว ก็เอะใจช้าไปหน่อยว่าเห้ย! นั่นมันลุงลุควง The Kooks นี่นา แต่พอจะเดินหาก็ไปไกลละ เลยไม่หาละ แฮ่! - Metronomy ก่อนหน้าตอน Bell & Sebastian เล่นฝนตก เพื่อนเลยกลับไปที่แคมป์เพื่อไปเก็บผ้าที่ตากไว้ แล้วสุดท้ายเพื่อนก็เท ไลน์มาบอกว่าไม่กลับมาดูแล้วนะ ส่วนไอ้เราก็ง่วงๆ เอ๋อๆ เลยต้องหาตัวช่วยยืน เดินไปเกาะรั้วหน้าเวทีเลยจ้า เล่นสนุกดี โจ๊ะๆ โยกเพลินๆ ถ้าใครชอบความโจ๊ะ ขอเสนอให้ดูวงนี้เล่นสดดู DAY4 - Madness เหยยยยย เจ๋งดี ถ้ามีโอกาสควรดูให้ได้ ถึงเราไม่ได้ฟังเพลงของวงเยอะ แต่พอได้ดูสด คือสนุกมากกกกก เอ็นจอย ลุงๆ ก็น่ารัก เป็นวงสกาที่เล่นสดได้น่ารักมากๆ หลังจาก Madness กะวิ่งไปดู Wolf Alice ที่อีกเวที แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว ถ้ากลับมาจะไม่ได้ที่ยืนตำแหน่งเดิมหรือที่ดีๆ แน่ เลยนั่งรอ Bastille ขึ้นเลย - Bastille คือวงที่เราอยากดูซ้ำเรื่อยๆ เราชอบในความครีเอทดนตรี ครีเอทเนื้อร้อง ความจริงจังของแดน ความฮาของไคล์ ความเป็นเทพเจ้าแห่งการคัฟเวอร์เพลงได้น่าสนใจของวง เรียกง่ายๆ ว่าเราเป็นติ่งวงนี้ ก็เลยอยากดูอีกเรื่อยๆ ซึ่งวงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง รอบนี้ขนเพลงใหม่มาเยอะ แต่ก็ไม่ลืมขนเพลงฮิตมาด้วย มีการมิ๊กซ์เพลงใหม่ มีลูกเล่นในหลายๆ เพลง วงเปิดด้วยเพลง Good Grief และปิดด้วยเพลง Pompeii ระหว่างที่ดู ก็ได้ยินเสียงแฟนเพลงใกล้ๆ ชมวงไม่หยุดปาก เราถือให้วง Band of the Day ของเรา - Liam Gallagher เด็กเกาะรอฟังเต็มไปหมดจ้าาาา ลุงแกก็จัดให้ 14 เพลง 5 เพลงเป็นเพลงใหม่ ส่วนที่เหลือเป็นเพลงของวง มันเลยสนุกตรงนี้ล่ะมั้ง ตรงที่ได้ฟังเพลงของ Oasis เนี่ยแหล่ะ 55 ระหว่างที่ร้องๆ อยู่ก็มีแฟนเพลงปาปลาขึ้นไปใส่เลียมบนเวทีด้วย ลุงแกเหม็นคาวสุดๆ ถึงกับเรียกสต๊าฟมาเก็บปลาไป ก่อนจะแสดงต่อ แถมมีติดตลกด้วยว่า ฉันโดนมาเยอะ มากกว่าอีปลานี่ก็มี แค่นี้เบๆ 555 เพลงฮิตมาหมดอ่ะ ยิ่งตอนท้ายๆ ยิ่งพีค เด็กเกาะก็จะอินๆ หน่อย มาหมดทั้ง เพลง Rock 'n' Roll Star, Morning Glory, Some Might Say, Slide Away, Whatever, Supersonic, Cigarettes & Alcohol, Wonderwall ปิดด้วย Live Forever แต่ไม่ได้ร้อง Don't Look Back In Anger ก็เลยยังไม่พีคสุดเท่าไหร่ จบป๋าเลียมตอนแรกกะจะดู Justice ต่อ แต่ด้วยเวลาที่วงจะขึ้นคือเกือบตี 3 กว่าจะจบก็ตี 4 ไอ้เราก็หมดแรงแล้ว เลยตัดสินใจกลับแคมป์ไปนอนเลย จบเรียบร้อยกับเทศกาลดนตรี 4 วัน ตื่นเช้ามาเก็บกระเป๋า คืนตะเกียงไฟแบบใส่ถ่านและกุญแจล็อคเต้น เช็คเอาท์ (ตอนเช็คอินมีค่ามัดจำเต๊นท์ด้วยนะ 50 ยูโร จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ หลังเช็คเอาท์แล้วจะได้ค่ามัดจำคืนผ่านบัตรภายใน 1-2 วัน) แล้วก็นั่งรถบัสมาขึ้นบัสทรานสเฟอร์กลับบาร์เซโลนา จบทริปเทศกาลดนตรีปีนี้ ชาร์จพลังเต็มที่ กลับมาทำงานเก็บเงินกันเพื่อเทศกาลดนตรีครั้งต่อไป เย้!
Website: https://fiberfib.com Facebook: www.facebook.com/fibfestival |